สหกรณ์สีขาว
นายพิเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับขั้นตอนการประเมินผลสหกรณ์สีขาวนั้น มีเกณฑ์ในการพิจารณารวม 9 หลัก คือ หลักประสิทธิผล หลักประสิทธิภาพ หลักการตอบสนอง หลักภาระรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักการมอบอำนาจ หลักนิติธรรม และหลักความเสมอภาค โดยสหกรณ์ต้องผ่านเกณฑ์ในแต่ละหลัก ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และรวมทุกหลักอยู่ในระดับคะแนน ตั้งแต่ร้อยละ 85 ขึ้นไป กรมส่งเสริมสหกรณ์คาดหวังว่า สหกรณ์จะเล็งเห็นถึงประโยชน์ในการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานสหกรณ์ จึงขอเชิญชวนสหกรณ์ทุกประเภทที่สนใจเข้าร่วมโครงการส่งเสริมสหกรณ์สีขาวด้วยธรรมาภิบาล ในปี 2562 สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศหลักเกณฑ์การประเมิน
http://www.lptcoop.com/UserFiles/File/PDF/Other/61_TAMAPIBAN.pdf
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ต่อยอดโครงการส่งเสริมสหกรณ์สีขาวด้วยธรรมาภิบาล หวังสร้างสหกรณ์ต้นแบบที่มีหลักการบริหารจัดการที่ดี เกิดความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากสมาชิก เผยเริ่มต้นโครงการตั้งแต่ปี 60 ขณะนี้มีสหกรณ์เข้าร่วมแล้ว 464 สหกรณ์ เตรียมขยายผลในปี 62 ให้ได้ 2,000 สหกรณ์ทั่วประเทศ
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินโครงการส่งเสริมสหกรณ์สีขาวด้วยธรรมาภิบาล โดยรณรงค์ให้สหกรณ์ทั่วประเทศนำหลักธรรมาภิบาลมาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ และทุกภาคส่วนได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการร่วมกันสร้างสหกรณ์สีขาว ที่ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานเพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน มีระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันปัญหาเรื่องการทุจริตในสหกรณ์ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธาจากสมาชิกที่มีต่อสหกรณ์กลับคืนมา โดยกรมฯ ได้นำเกณฑ์ประเมินจัดระดับการกำกับดูแลองค์การภาครัฐตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มาผนวกกับความเป็นสหกรณ์ เพื่อประยุกต์เป็นหลักเกณฑ์ในการประเมินสหกรณ์สีขาวด้วยธรรมาภิบาล ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยเริ่มที่สหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีทุนดำเนินงานเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 201 สหกรณ์
ธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวได้ส่งผลให้สหกรณ์ออมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถยกระดับการบริหารงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น และมีการควบคุมภายในที่ดี มีความโปร่งใส โดยในปี 2561 กรมฯ ได้มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังสหกรณ์ทุกประเภทที่มีความสมัครใจเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติมเป็น 464 สหกรณ์ พร้อมทั้งได้ตั้งคณะทำงานส่งเสริมธรรมาภิบาลระดับจังหวัด การประเมินธรรมาภิบาลของสหกรณ์ แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ สหกรณ์สีขาว ดีมาก ดี พอใช้ และต้องปรับปรุง ตามลำดับ ผลการประเมินในครั้งแรกพบว่า มีสหกรณ์ผ่านเกณฑ์ในระดับสหกรณ์สีขาว จำนวน 21 สหกรณ์ ซึ่งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหมด และอยู่ในเกณฑ์ระดับดีมาก จำนวน 50 สหกรณ์ เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ 45 แห่ง สหกรณ์การเกษตร 4 แห่ง สหกรณ์นิคม 1 แห่ง และในเดือน ก.ค.2561 คณะทำงานตรวจประเมินธรรมาภิบาลระดับจังหวัด ซึ่งมีการแต่งตั้งบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกร่วมเป็นคณะทำงาน ทำการประเมินผลธรรมาภิบาลครั้งที่สอง คาดว่าจะมีจำนวนสหกรณ์ที่สามารถยกระดับเป็นสหกรณ์สีขาวเพิ่มขึ้นเป็น 71 สหกรณ์
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับในปี 2562 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เตรียมแผนต่อยอดการส่งเสริมสหกรณ์ สีขาวด้วยธรรมาภิบาล มีการประชาสัมพันธ์ให้สหกรณ์ทุกประเภทเห็นถึงประโยชน์ของการบริหารจัดการที่ดี ตามหลักธรรมาภิบาลและมีความเป็นสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายโครงการ ขยายผลไปยังสหกรณ์ 2,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นสหกรณ์ประเภทออมทรัพย์ทุกแห่ง และสหกรณ์ภาคการเกษตรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นองค์กรหลักระดับอำเภอ เพื่อพัฒนาเป็นต้นแบบสหกรณ์สีขาว สามารถเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการที่ดีแก่สหกรณ์ขนาดเล็กนำไปประยุกต์ใช้ตามความพร้อมของแต่ละสหกรณ์ นอกจากนั้น การส่งเสริมสหกรณ์สีขาวด้วยธรรมาภิบาล ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริมมาตรฐานสหกรณ์ รวมทั้งเชื่อมโยงต่อยอดไปถึงการส่งเสริมสหกรณ์สู่ดีเด่น ซึ่งกรมฯ จะได้บูรณาการแนวทางส่งเสริม ทั้งสามเครื่องมือให้สนับสนุนซึ่งกันและกัน ตั้งแต่กระบวนการวางแผน การดำเนินงาน การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงพัฒนา เพื่อให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน